พิธีบวช

คำว่า บวช มาจากคำว่า ป+ วช แปลว่าเว้นทั่ว คือเว้นจากกาม ใน
ที่นี้หมายเพียงบวชเป็นสามเณรและบวชเป็นพระภิกษุเท่านั้น จุดมุ่งหมายใน
การบวชก็คือการปฏิบัติตนเพื่อรื้อถอนออกจากความทุกข์ และทำให้แจ้งซึ่ง พระนิพพาน คือความดับทุกข์
อย่างไรก็ตาม การบวชได้แม้เพียงชั่วคราวก็ นับว่าดี เพราะนอกจากเป็นการสืบต่อพระพุทธศาสนาแล้ว
อย่างน้อยก็ยังเป็น เหตุให้รู้จักฝึกหัดความอดทน และความเสียสละอย่างมาก อาจทำให้เข้าถึง
พุทธธรรมได้โดยใกล้ชิด

ผู้ที่จะบวชเป็นสามเณรหรือพระได้ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
๑.เป็นสุภาพชนที่มีความประพฤติดีประพฤติชอบ ไม่มีความประพฤติเสียหาย
เช่นติดสุราหรือยาเสพติดให้โทษเป็นต้น และไม่เป็นคนจรจัด  
๒.มีความรู้อ่านและเขียนหนังสือไทยได้  
๓.ไม่เป็นผู้มีทิฏฐิวิบัติ  
๔.ไม่เป็นคนล้มละลาย หรือมีหนี้สินผูกพัน  
๕.เป็นผู้ปราศจากบรรพชาโทษ และมีร่างกายสมบูรณ์ อาจบำเพ็ญสมณกิจได้
ไม่เป็นคนชราไร้ความสามารถหรือทุพพลภาพ หรือพิกลพิการ  
๖.มีสมณบริขารครบถ้วนและถูกต้องตามพระวินัย  
๗.เป็นผู้สามารถกล่าวคำขอบรรพชาอุปสมบทได้ด้วยตนเอง และถูกต้องไม่วิบัติ

ต่อไปนี้เป็นลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้จะบวชได้แก่

๑.เป็นคนทำความผิด หลบหนีอาญาแผ่นดิน  
๒.เป็นคนหลบหนีราชการ  
๓.เป็นคนต้องหาในคดีอาญา  
๔.เป็นคนเคยถูกตัดสินจำคุกฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ  
๕.เป็นคนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา  
๖.เป็นคนมีโรคติดต่ออันน่ารังเกียจ เช่นวัณโรคในระยะอันตราย  
๗.เป็นคนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้


 การบวชเป็นสามเณร
สามเณร แปลว่า ผู้เป็นเชื้อสายแห่งสมณะ เมื่อเป็นสามเณรแล้ว ต้องถือศีล ๑๐ คือ

๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์ทั้งมนุษย์และเดรัจฉาน
๒. เว้นจากการลักทรัพย์
๓. เว้นจากเสพเมถุนธรรม
๔. เว้นจากการพูดเท็จ
๕. เว้นจากการดื่มสุราและเมรัย
๖. เว้นจาการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล
๗. เว้นจากการฟ้อนรำขับร้องและการบรรเลง ตลอดถึงการดูการฟังสิ่งเหล่านั้น
๘. เว้นจากการทัดทรงดอกไม้การใช้ของหอมเครื่องประเทืองผิว
๙. เว้นจาการนอนที่สูงใหญ่และยัดนุ่นสำลีอันมีลายวิจิตร
๑๐. เว้นจากการรับเงินทอง

นอกจากนี้ ยังต้องมี ปัจจเวกขณะ คือ การพิจารณา จีวร บิณฑบาต
เสนาสนะ คิลานเภสัช ตลอดถึงวัตรที่ควรศึกษา อันเกี่ยวด้วยมารยาท คือ
เสขิยวัตร อีก ๗๕ ข้อ ด้วย

 สถานที่ทำพิธี เป็นกุฎีของพระอุปัชฌาย์ผู้ให้บวชก็ได้ เป็นโรง
อุโบสถก็ได้ มีพระอันดับตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปก็ได้ ไม่มีก็ได้

 ของใช้ในพิธีคือ

๑. ไตรแบ่ง ( สบง ๑ ประคตเอง ๑ อังสะ ๑ จีวร ๑ ผ้ารัดอก ๑ ผ้ากราบ ๑)
๒. จีวร สบง อังสะ ( อาศัยหรือสำรอง) ผ้าอาบ ๒ ผืน
๓. ย่าม ผ้าเช็ดหน้า นาฬิกา
๔. บาตร ( มีเชิงรองและฝาพร้อม)
๕. รองเท้า ร่ม
๖. ที่นอน เสื่อ หมอน ผ้าห่ม มุ้ง
๗. จานข้าว ช้อนส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดมือ ปิ่นโต กระโถน
๘. ขันน้ำ สบู่ กล่องสบู่ แปรง ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว
๙. ธูป เทียน ดอกไม้ สำหรับบูชาพระรัตนตรัย
๑๐. ธูป เทียน ดอกไม้ ( หรือจะใช้เทียนแพมีกรวยดอกไม้ก็ใช้ได้)

สำหรับถวายพระอุปัชฌาย์
ผู้ให้บวชและจะมีเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรมสำหรับถวายพระอุปัชฌายะ
และพระในพิธีนั้นอีกองค์ละชุดก็ได้ แล้วแต่กำลังศรัทธา

ผู้บวชต้องปลงผม โกนคิ้ว โกนหนวด ตัดเล็บมือเล็บเท้าให้สะอาดหมดจด
ส่วนพิธีการวันบวช มีกล่าวไว้ส่วนหนึ่งแล้ว และข้อสำคัญต้องว่าไตรสรณคมน์
ใช้ชัดถ้อยชัดคำ เพราะความเป็นสามเณรจะสำเร็จได้ก็ด้วยไตรสรณคมน์เท่านั้น
นอกจากนั้นก็มี

 หัวข้อที่ผู้จะบวชจะต้องจดจำคือ

๑. ให้บิดามารดาหรือผู้ปกครอง พาไปหาเจ้าอาวาสและพระอุปัชฌาย์
( ถ้าเจ้าอาวาสเป็นพระอุปัชฌาย์ด้วยก็ไม่ต้องไป ๒ แห่ง)
๒. ท่องคำขอบวช สรณคมน์ และศีล ๑๐ ให้ได้ด้วยตนเอง
๓. หมั่นฝึกซ้อมพิธี เช่นการกราบ เป็นต้น


 การบวชเป็นพระภิกษุ

ภิกษุ
 แปลว่า ผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เมื่อเป็นพระภิกษุแล้ว ต้องถือศีล ๒๒๗
และต้องรักษาข้อวัตรปฏิบัติอื่น ๆ อีกมาก

การบวชเป็นสามเณรเป็นเบื้องต้นของการบวชเป็นพระภิกษุ กล่าว
คือจะบวชเป็นพระภิกษุได้ก็ต้องบวชเป็นสามเณรก่อน เพราะฉะนั้นกุลบุตร
ผู้จะบวชเป็นพระภิกษุ จึงจำต้องบวชเป็นสามเณรก่อน ซึ่งมีวิธีการดังที่
กล่าวมาแล้ว แม้ผู้เป็นสามเณร ก็จำต้องขอไตรสรณคมน์และศีลใหม่ เพื่อทำ
ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จึงดำเนินการบวชเป็นพระภิกษุได้ต่อไป แต่ทางที่ดีที่สุด
ควรของบรรพชาแต่เบื้องต้นไปใหม่ เพราะเมื่อตอนขอบรรพชาเป็นสามเณร
ได้เว้นคำไว้ ละเภยยัง อุปะสัมปะทัง ไว้

 สถานที่ทำพิธี

คือ โรงอุโบสถ ประชุมสงฆ์ ๒๘ รูป มีพระอุปัช- ฌาย์ ๑
พระกรรมวาจาจารย์ ๑ พระอนุสาวนาจารย์ ๑ ( สองรูปหลังนี้เรียกว่าพระคู่สวด)
อีก ๒๕ รูป เรียกวาพระอันดับ ( ๑๐ รูปขึ้นไป ไม่ถึง ๒๕ รูปก็ใช้ได้)

 อัฏฐบริขาร
เครื่องใช้อื่น ๆ ที่จำเป็นและควรจัดหา

๑. ไตรครอง ( สบง ๑ ประคตเอว ๑ อังสะ ๑ จีวร ๑สังฆาฏิ ๑ ผ้ารัดอก ๑ ผ้ากราบ ๑ )
๒. บาตร ( มีเชิงรองและฝาพร้อม) ถลกบาตร สายโยค ถุงตะเครียว
๓. มีดโกน พร้อมทั้งหินลับมีดโกน
๔. เข็มเย็บผ้า พร้อมทั้งกล่องเข็มและด้าย
๕. เครื่องกรองน้ำ ( ธมกรก)
๖. เสื่อ หมอน ผ้าห่ม มุ้ง
๗. จีวร สบง อังสะ ผ้าอาบ ๒ ผืน ( อาศัย)
๘. ตาลปัตร ย่าม ผ้าเช็ดหน้า ร่ม รองเท้า
๙. โคมไฟฟ้า หรือตะเกียง ไฟฉาย นาฬิกาปลุก
๑๐. สำหรับ ปิ่นโต คาว หวาน จานข้าว ช้อนส้อม ผ้าเช็ดมือ
๑๑. ที่ต้มน้ำ กาต้มน้ำ กาชงน้ำร้อน ถ้วยน้ำร้อน เหยือกน้ำและแก้วน้ำเย็น
กระติกน้ำแข็ง กระติกน้ำร้อน
๑๒. กระโถนบ้วน และโถนถ่าย
๑๓. ขันอาบน้ำ สบู่และกล่องสบู่ แปรงและยาสีฟัน ผ้าขนหนู กระดาษชำระ
๑๔. สันถัต ( อาสนะ)
๑๕. หีบไม้หรือกระเป๋าหนังสำหรับเก็บไตรครอง


 หมายเหตุ ๑. ถึง ๕. เป็นสิ่งจำเป็นมาก เรียกว่า อัฏฐบริขาร แปลว่า บริขาร ๘
( มีผ้า ๕ อย่าง คือ สบง ๑ ประคตเอว ๑ จีวร ๑ สังฆาฏิ ๑ ผ้ากรองผ้า ๑
เหล็ก ๓ อย่าง คือ บาตร ๑ มีดโกน ๑ เข็มเย็บผ้า ๑)

ของนอกนั้นมีความจำเป็นลดน้อยลง แล้วแต่กำลังของเจ้าภาพจะจัดหามาได้อีก

ไตร วางไว้บนพานแว่นฟ้า
บาตร
 สวมอยู่ในถุงตะเครียว
ภายในบาตรใส่มีดโกนพร้อมด้วยหินลับมีดโกนเข็มพร้อมทั้งกล่องเข็มและด้ายและเครื่องกรองน้ำ

ส่วนผู้จะบวชก่อนจะเข้าโบสถ์ต้องวันทาเสมาหน้าพระอุโบสถเสียก่อน
ว่า “วันทามิ อาราเม พัทธะเสมายัง โพธิรุกขัง เจติยัง
สัพพะ เม 
โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต”